"อาหารเสริมเพื่อปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์"
30 Jun, 2021 / By
admin
"อาหารเสริมเพื่อปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์ "
วิตามินช่วยป้องกันความเสียหายจากแสงอาทิตย์ได้หรือไม่?
ออสเตรเลียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประชากรชอบอาบแดดกันมาก ซึ่งข้อเสียก็คือ ทำให้กลายเป็นหนึ่งใน ประเทศที่มีการเกิดมะเร็งผิวหนังแบบ melanoma มากที่สุด ทีมของมหาวิทยาลัยแห่งซิดนีย์ที่มีศาสตราจารย์ แกรี่ ฮัลลิเดย์ ได้ทำการศึกษา เกี่ยวกับสารอาหารที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์
วิตามิน อี และ ซี
การศึกษาในวารสาร Journal of Investigative Derrmatology พบว่า ผู้ที่รับประทาน วิตามินอีและซี เกิดความเสียหายจากการได้รับรังสียูวีน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับประทานมาก
วิตามิน ดี (Cholecalciferol)
วิตามินที่ละลายในไขมันชนิดนี้เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาได้จากรังสียูวีในแสงแดด แล้วยังได้จากอาหาร จำเป็นสำหรับเมตาโบลิซึ่มของแคลเซียม ภูมิคุ้มกัน และเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน มะเร็ง และโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง ถ้าเช่นนั้นแล้วแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ยังกลับมาเป็นแหล่งของวิตามินที่ป้องกันโรคนี้ด้วยอีกหรือ? คำตอบคือใช่ วิตามิน ดี มีคุณสมบัติป้องกันแสงรังสี และป้องกันการกระจายตัวของเซลล์ ซึ่งกระบวนการทั้งสองนี้จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์มะเร็ง มีการศึกษาหลายครั้งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการขาดวิตามิน ดี กับมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก และเต้านม
วิตามิน บี 3 (Nocotinamide)
วิตามินที่ละลายน้ำชนิดนี้มีส่วนสำคัญในการสร้างพลังงาน และปฎิกิริยาของเอนไซม์ รวมไปถึงการแบ่งตัว และการซ่อมแซมดีเอ็นเอ และการเปลี่ยนรูปร่างของเซลล์ไปเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่เฉพาะอย่างของตนเอง(cell differentiation) ทีมของฮัลลิเดย์ พบว่าผิวหนังที่ทาด้วยนิโคตินาไมด์ (nocotinamine) ที่เตรียมเอาไว้ก่อนที่จะไปรับแสงยูวีมีความเสียหายของดีเอ็นเอ น้อยกว่า และมีความต้านทานต่อผลจากแสงอาทิตย์มากกว่า ซึ่งก็เกิดผลแบบเดียวกันนี้กับผู้ที่รับประทานวิตามิน บี 3 (วันละ 500 มก.) การศึกษา หลายครั้งก็แสดงให้เห็นว่าอาหารเสริมวิตามิน บี 3 และวิตามิน บี 3 ชนิดครีม ช่วยบำรุงผิวและการไหลเวียนของโลหิต
ให้ร่างกายได้สิ่งที่ต้องการ
การที่จะทราบว่าอาหารใดช่วยป้องกันรังสีจากแสงอาทิตย์ได้บ้างนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก เนื่องจากสารอาหารที่ มีอยู่ในอาหารแต่ละอย่างนั้นแตกต่างกันออกไป ในขณะที่ยังไม่มีปริมาณแนะนำสำหรับวิตามินบี 2 บี 3 หรือ ดี สำหรับการป้องกันแสงอาทิตย์ เราก็ควรจะได้รับวิตามินเหล่านี้อย่างน้อยก็เท่ากับปริมาณที่ทางการแนะนำ จำไว้ว่า ไม่ควรพึ่งพาแต่วิตามินเพื่อนำมาทดแทนการใช้ครีมป้อง กันแสงแดด การสวมหมวก และการสวมเสื้อผ้าเพื่อป้องกันแสงแดดก็เป็นการปกป้องผิวอีกทางหนึ่ง
สารแอนติออกซิแดนท์
วิตามิน บี 2 (riboflavin) ก็เหมือนกับวติามิน บี 3 คือ มีส่วนในการสร้างพลังงาน และมีหน้าที่สำคัญ ในการทำงานของกลูตาไธโอน ซึ่งป้องกันความเครียดออกซิเดทีฟ อันเกิดจากการได้รับแสงอาทิตย์ สารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่น (วิตามิน เอ ซี อี สังกะสี ซีเลเนียม) และสารไฟโตเคมิคัล อย่างเช่น ไลโคปีน (จากมะเขือเทศ) แอนโธไซยานินส์ (แครนเบอรี่) ลูทีน (จากผักพวยเล้ง) ฟลาโวนอยด์ (จากชาเขียว) และอินโดลส์ (ผักตระกูลกะหล่ำ) ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานวิตามิน อี พร้อมกับบีท่า แคโรทีน มีความเสียหายของผิวหนังอันเกิดจากการได้รับรังสีอัลตร้า ไวโอเล็ตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอยู่มาก